การสร้างคำโดยการเติมหน่วยคำเข้ากลาง คำหลัก ทำให้คำเดิมพยางค์เดียว เป็นคำใหม่ 2 พยางค์เรียกการลงอาคม ก. การลง อำ น เช่น จง- จำนง, ทาย -ทำนาย, อวย-อำนวย ข. การเติม อำ เช่น กราบ-กำราบ. ตรวจ-ตำรวจ, เปรอ-บำเรอ ค. การเปลี่ยน ข เป็น ก, ฉ เป็น จ และเพิ่มท เช่น ฉัน-จังหัน, แข็ง-กำแหง ง. การเติม ง, น, ร, ล เช่น เรียง-ระเบียง, เรียบ-ระเบียบ, ราย-ระบาย * เนื่องจากภาษาเขมรพยัญชนะคนละกลุ่ม เมื่อประสมตัวเดียวกันจะออกเสียงต่างกัน ซึ่งต่าง จากภาษาไทย ลักษณะของภาษาเขมรที่ไทยนำมาใช้จึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปบ้าง เสียงบ้างตามแบบไทย ลักษณะคำเขมรในภาษาไทย 1. คำที่มาจากภาษาเขมรส่วนมากมาจากสะกดด้วย จ ญ ร ล เช่น เผด็จ, บำเพ็ญ, กำธร, ถกล ตรัส 2. ต้องแปลความหมายจึงจะเข้าใจ ใช้มากในบทร้อยกรอง 3. เมื่อมาใช้ในภาษาไทย ข แผลงกระ เช่น ขจาย-กระจาย, ขโดง -กระโดง 4. นิยมใช้อักษรนำแบบออกเสียงตัวนำโดยพยางค์ต้นออกเสียง อะ กึ่งเสียง พยางค์หลังออกเสียงตามสระที่ผสมอยู่ เช่น สนุก, สนาน, เสด็จ ถนน, เฉลียว 5. คำเขมรส่วนมากใช้เป็นราชาศัพท์ เช่น เสวย, บรรทม, เสด็จ, โปรด ที่มา:
โดย พระสุเธีย สุวณฺณเถโร พยัญชนะในภาษาเขมรแบ่งเป็น ๓๓ ตัว โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ อโฆษะ [1] ๑๕ ตัว และโฆษะ ๑๘ ตัว พยัญชนะอโฆษะคือพยัญชนะกลุ่มที่มีเสียงสระ "ออ" (เสียงเบา) ส่วนพยัญชนะโฆษะคือพยัญชนะกลุ่มที่มีเสียง "โอ" (เสียงหนัก) ซึ่งกลุ่มของพยัญชนะที่ต่างกันนี้มีผลให้เสียงสระที่มาประสบออกเสียงต่างกัน ต่อไปนี้ เป็นการนำเสนอพยัญชนะทั้ง ๓๓ ตัวดังนี้
พยัญชนะออกเสียง โอ เรียกว่าพยัญชนะพวก โอ หรือเรียกว่า พยัญชนะโฆษะ 2. พยัญชนะออกเสียง ออ เรียกว่าพยัญชนะพวก ออ หรือเรียกว่า พยัญชนะอโฆษะ วิธีการเขียนพยัญชนะภาษาเขมร
(๒๕๔๗: ๖๕-๗๑) กล่าวถึงคุณค่าของภาษาถิ่นไว้เพียง ๔ ประการ คือ ๑. คุณค่าด้านการสื่อสาร ในเมื่อคนในท้องถิ่นเดียวกันพูดภาษาถิ่นเหมือนกัน การสื่อสารก็ดำเนินไปได้ด้วยดี จะพูดอะไรก็รู้เรื่องและเข้าใจดีด้วยเหตุที่ภาษาถิ่นช่วยรักษาความบริสุทธิ์ของภาษาไว้ คือบริสุทธิ์ในด้านการออกเสียงและในด้านการใช้ภาษาสื่อสารให้ตรงความหมาย ภาษาถิ่นจึงมีประโยชน์มากในการช่วยวินิจฉัยความหมายของศัพท์โบราณในวรรณคดี ทำให้การสื่อสารของคนในอดีตมาสู่คนในปัจจุบันดำเนินไปได้โดยสะดวก และคนรุ่นหลังสามารถอ่านหนังสือต่าง ๆ ของคนสมัยก่อนรู้เรื่อง ๒. คุณค่าด้านจริยธรรม ภาษาถิ่นมีคุณค่าในฐานะเป็นการสื่อสารสำหรับสอนจริยธรรม แก่ผู้เยาว์ เพื่อจะได้เรียนรู้คำสอนต่างๆ ที่สืบทอดมาจากบรรพชนภาษาถิ่นได้ช่วยรักษา คำสอนต่างๆ ไว้ทั้งทางโลกและทางธรรม ข้อนี้จะเห็นได้จากการที่แต่ละภาคมีนิทานชาดก หรือนิทานแฝงคติธรรม สุภาษิต วรรณกรรมคำสอน ทั้งที่เป็นมุขปาฐะ คือคำบอกเล่าด้วยปาก และที่เป็นวรรณกรรมลายลักษณ์อักษร สิ่งเหล่านี้จะมีคำสอนสอดแทรกอยู่ด้วย เช่น แหล่ทำขวัญนาค ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นต้น ๓.
สังเกตจากคำที่มีสระ อำ ละ อำ น นำหน้า ในภาษาเขมร เช่น บำรุง บำเรอ กำสรด ดำเนิน ชำนิ สำรวจ สำเร็จ อำนวย ฯลฯ ๖. คำเขมรที่เป็นคำโดดก็มีมาก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคำไทย จนคิดว่าเป็นคำไทยก็มี หรือทำให้ไม่แน่ใจว่าใครขอยืมใครก็มี เช่น กรง เขลา กระมัง เชลย ชำเรา กระทรวง เดิน ถนน แข เป็นต้น