5 อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ตามปกติโครงการบ้านจะแถมเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานอย่าง เครื่องปรับอากาศ พัดลมดูดอากาศ เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ ควรทดลองเปิดอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมๆ กันเพื่อตรวจดูการใช้ไฟว่าปกติดีหรือไม่ และต้องขอใบรับประกันของอุปกรณ์ทุกชิ้นเก็บไว้ด้วย 8. 6 สายดิน ต้องมีการเดินสายดินไว้อย่างเรียบร้อยทุกปลั๊กไฟฟ้า และต้องสอบถามที่ฝังแท่งเหล็กของสายดินให้ทราบชัดเจนว่าอยู๋ตรงไหน 9. สุขาภิบาล ระบบนี้จะเกี่ยวกับเรื่องน้ำทั้งหมดในบ้าน มีจุดสำคัญต้องตรวจสอบดังนี้ 9. 1 การติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ ติดตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้อง ได้ระนาบและได้ฉาก มั่นคงแข็งแรง ผิวสุขภัณฑ์เรียบเนียนไม่มีรอยด่างหรือคราบสกปรก 9. 2 ก๊อกน้ำ ใช้งานได้ดี เปิดปิดไม่ติดขัดหรือหลวม น้ำไหลโดยสะดวกไม่เบาผิดปกติ เมื่อปิดก๊อกแล้วต้องไม่มีน้ำหยดซึม 9. 3 อ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ ติดตั้งในตำแหน่งและระดับความสูงที่ถูกต้อง ช่องน้ำล้นและสะดือระบายน้ำได้ดี พื้นผิวเรียบเนียน สะอาดไม่มีคราบสกปรก 9. 4 จุดระบายน้ำที่พื้น สามารถระบายน้ำได้เป็นอย่างดีในเวลาที่รวดเร็ว โดยที่ระบายน้ำควรมีถ้วยดักกลิ่นหรือติดตั้งระบบดักกลิ่นด้วยท่อข้องอขังน้ำกันกลิ่น 9.
ใส่ฝาที่ยึดลูกบิด ด้วยการขันน็อตทั้งสองตัวให้แน่น เพื่อไม่ให้ลูกบิดเคลื่อนไปมาได้ ซึ่งหลังจากขันน็อตฝายึดลูกบิดเรียบร้อยแล้วก็กลับมาขันน็อตที่เดือยลูกบิดประตูให้แน่นด้วย 4. ใส่ฝาครอบลูกบิด มาให้เรียบร้อยบางยี่ห้ออาจจะเป็นเเบบหมุนหรือบ้างยี่ห้อแบบประกบกับฝายึดลูกบิด 5. ใส่ลูกบิดลงไป การใส่ลูกบิดเราควรดูตำแหน่งของลูกบิดกับแกนของลูกบิดด้วย ต้องให้ตรงกันถึงจะใส่ได้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย อาการลูกบิดประตูเสียที่เจอบ่อยแก้ไขเองได้ 1. ลูกบิดประตูเปิดไม่ได้ เป็นปัญหาที่หลายคนได้เจอะเจอกันมาแล้ว อาการนี้สามารถวิเคราะห์ออกมา ว่าน่าจะมีอยู่สองสาเหตุด้วยกันคือ 1. 1 ตัวลูกบิดเสียโดยแกนดึงข้างในเกิดเสียหาย จากการกระแทกหรือจากการใช้งาน วิธีแก้เพียงเปลี่ยนตัวลูกบิดใหม่ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนลูกบิดประตูใหม่ก็สามารถทำตามวิธีข้างบนได้เลย 1. 2. เดือยลูกบิดค้าง อาการนี้เกิดจากเดือยลูกบิดเสีย เพราะข้างในเดือยลูกบิดจะมีสปริง สปริงตัวนี้ถ้ามีการใช้งานที่ต่อเนื่องและรุนแรงก็จะเสียหายได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เดือยลูกบิดไม่เลื่อนตามกลไกของลูกบิด จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสาเหตุที่ทำให้เดือยลูกบิดเสียมากที่สุดก็คือการปิดประตูแรง ๆ จะเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เดือยประตูเสีย ซึ่งวิธีแก้เพียงถอดลูกบิดออกแล้วเปลี่ยนเดือยลูกบิดเสียใหม่ก็สามารถใช้งานได้แล้ว 2.
มาดูกันดีกว่า ว่าจะต้องซ่อมอะไรบ้างงง??
วิธีเปลี่ยนลูกบิดประตูง่ายๆ ด้วยตัวเอง สวัสดีครับ สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาวิธีการ " เปลี่ยนลูกบิดประตู " หรือสลับข้างลูกบิดประตูเอาล็อคมาไว้อีกฝั่งหนึ่ง วันนี้ HugBaan จะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ทำตามกันแบบง่ายๆ เลย เพื่อนๆ ที่ซื้อ บ้าน มือสองหรือทำห้องใหม่อาจจะเคยเจอปัญหาลูกบิดประตูเสียบ้าง เปิดไม่ออก ล็อคอยู่ผิดด้านบ้างก็ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะเราสามารถแก้ไขเองได้ เพียงมีอุปกรณ์ไม่กี่อย่างคือคลิปหนีบกระดาษและไขควง เท่านี้ก็เพียงพอ วิธีเปลี่ยนลูกบิดประตูง่ายๆ 1. หมุนลูกบิดประตูฝั่งด้านในที่เป็นฝั่งล็อคจะเจอรูด้านข้าง ให้เอาคลิปหนีบกระดาษแทงเข้าไปตรงสลักแล้วดึงลูกบิดออกมา 2. ถอดฝาครอบออก โดยใช้ไขควงแบนงัดบริเวณด้านข้างซึ่งจะมีช่องอยู่ หรือลูกบิดบางรุ่นจะให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา 3. ใช้ไขควง 4 แฉกขันน็อตยึดฝาครอบด้านในออกและค่อยๆ ถอดฝาออก 4. ค่อยใช้มือดันแกนลูกบิดออกไปด้านหน้า (ด้านที่ไม่ได้ถอดลูกบิด) 5. ถอดสลักล็อคประตูโดยขันน๊อตที่ยึดออก (จริงๆ ส่วนใหญ่ถ้าสลักล็อคยังใช้ได้ไม่นิยมถอดกัน) เรียบร้อยแล้วครับสำหรับวิธีถอดลูกบิดประตู จากนั้นเราก็เอาลูกบิดประตูตัวใหม่ของเราประกอบเข้าไปแทน โดยวิธีประกอบลูกบิดประตูนั้นก็ให้ทำย้อนขั้นตอนการถอดขึ้นไปเท่านั้นเองครับ หรือถ้าเราจะสลับฝั่งก็แค่ถอดและสลับเอาด้านล็อคมาไว้ฝั่งที่ต้องการแล้วก็ใส่กลับเข้าไปเหมือนเดิม ซึ่งทั้งนี้หากจะให้เข้าใจก็ดูคลิปประกอบเลยครับ ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..
วิธีติดตั้งสิ่งของบนผนัง เช่น ตู้เก็บของ ชั้นวางของ หรือของตกแต่งต่าง ๆ ก่อนจะติดตั้งคุณควรกำหนดตำแหน่งที่คุณต้องการเสียก่อน ถ้าเป็นผนังกระเบื้องควรใช้เทปพลาสติกใสติดลงไปก่อน จากนั้นก็วางปลายของหัวสว่านให้ตรงกับจุดที่คุณขีดไว้ให้ตรง แล้วออกแรงดันไปพร้อม ๆ กับตอนที่คุณกำลังเจาะผนัง ทั้งนี้คุณควรถือสว่านให้ตรงขนานกับพื้น เพราะถ้าหากคุณจับสว่านเบี้ยว จะทำให้ผนังรอบ ๆ หลุดร่อนได้ จากนั้นเมื่อเจาะเสร็จแล้วก็นำหลอดพลาสติกเล็ก ๆ ใส่เข้าไปก่อน แล้วจึงนำสิ่งของขึ้นไปแขวน แล้วไขนอตยึดลงไปอีกครั้งจะทำให้มั่นคงขึ้น 4. หลอดไฟดับ ถ้าคุณได้ยินเสียงแปลก ๆ จากหลอดไฟ หรือเปิดสวิตช์แล้วหลอดไฟไม่สว่าง ให้ถอดหลอดไฟออกมา เพื่อเช็กที่ขั้วหลอดไฟก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอาจจะมีฝุ่นผงติดอยู่ซึ่งทำให้กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านไปได้ ในกรณีนี้ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดออกให้สะอาดแล้วใส่กลับเข้าไปที่เดิม แต่ถ้าหากบริเวณขั้วหลอดมีลักษณะคล้าย ๆ เขม่าสีดำเกาะติดอยู่ ให้เปลี่ยนหลอดใหม่ได้เลยทันที 5. สวิตช์ หรือปลั๊กไฟเสีย ในกรณีที่สวิตช์หรือปลั๊กไฟชำรุดเสียหาย ให้คุณลองเช็กไฟดูก่อน โดยการใช้ไขควงหรือเครื่องวัดไฟ จิ้มลงไปที่ปลายสายไฟสีแดง หากปรากฏประกายไฟขึ้นที่ไขควงหรือเครื่องวัดไฟ ก็แสดงว่าสายไฟยังปกติอยู่ แต่ถ้าหากทดสอบแล้วไม่มีประกายไฟใด ๆ ปรากฏขึ้น แสดงว่าสายไฟของคุณอาจจะเสื่อมสภาพ หรือเกิดการฉีกขาด ดังนั้นในกรณีหลังควรเรียกช่างหรือผู้ชำนาญมาเปลี่ยนสายไฟให้เลยจะดีกว่า 6.
ถ้าเป็นผนังไม้ เช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ผิวสามารถระเหยความชื้นได้ง่าย เมื่อแห้ง ดีแล้วใช้น้ำยารักษาเนื้อไม้ชะโลมที่ผิว หรือทาสีต่อไป วิธีที่ดีควรทาสี ด้านในบ้านก่อน ทิ้งไว้ 5-6 เดือน จึงทาสีด้านนอก 2. ถ้าเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน ก็ใช้วิธีเดียวกับผนังไม้ แต่ต้องทิ้งให้ระเหยความชื้นนานกว่า ผนังไม้ เพราะมีความหนามากกว่า 3.