| วันที่ 29 มกราคม 2561 | อ่าน: 132, 518 ที่มา: ถอดความรู้ เสาร์สร้างสุข ตอน นอนอย่างไรให้สุขภาพดี วันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2560 ห้องประชุม 201 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) ซอยงามดูพลี โดย ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ภาพประกอบจากศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. นอนหลับอย่างไร ให้สุขภาพดี โดย ผศ. พญ.
โรคมะเร็งลำไส้ จุดเริ่มต้นของโรคนี้คือการนอนดึก และทานแต่อาหารไม่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย จนทำให้เกิดความเสื่อมของระบบภายใน ลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งลำไส้ไปในทึ่สุด 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ ถ้าเราไม่นอน หรือนอนดึกสารโปรตีนในตัวเรา ก็จะเข้าไปเกาะที่หลอดเลือดหัวใจ จนทำให้เกิดการอุดตันของเลือด 3. โรคเบาหวาน เมื่อคนเป็นเบาหวานพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ระดับกลูโคสในเลือด เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 23% รวมทั้งระดับอินซูลินในเลือด ก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 48% 4. ระบบร่างกายรวน ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการท้องอืด, ท้องเฟ้อ, อาหารย่อยไม่ดี และการถ่ายอุจจาระไม่เป็นปกติ 5. โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ในบางคนอาจต้องใช้เวลาเกินกว่า 30 นาที ถึงจะนอนหลับได้ หรืออาจจะหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน และโรคนอนไม่หลับ ยังส่งผลต่อการเข้าห้องน้ำบ่อยทั้งคืนอีกด้วย 6. สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลง เพราะการนอนไม่หลับจะทำให้ฮอร์โมน "เทสโทสเทอโรน" ต่ำลง ซึ่งทำให้ความต้องการทางเพศลดต่ำลงไปด้วย 7.
A: หลายๆคนคงคิดว่าคนเราต้องนอนให้ได้ 8 ชั่วโมงถึงจะเพียงพอ แต่จริงๆแล้วตัวเลข 8 ชั่วโมง เป็นแค่ค่าเฉลี่ยเท่านั้น การนอนให้เพียงพอคือการนอนจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง และสามารถอยู่ได้จนไม่เพลียตลอดทั้งวัน ค่าเฉลี่ยการนอนแตกต่างกันไปตามช่วงอายุอีกด้วย ในเด็กเล็กที่แรกเกิด วงจรการนอนจะนอนเป็นช่วง ๆ รวม ๆ แล้ว 16-18 ชม. ต่อวัน 1 ขวบ 13-15 ชม. 2 ขวบ 12-14 ชม. การนอนจะนอนเป็นช่วง ๆ จะคงอยู่จนถึงอายุ 5-7 ขวบ ดังนั้นในรร. อนุบาลเลยมีการนอนกลางวันของเด็ก ๆ 5-7 ขวบ 9-12 ชม. และอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องการนอนกลางวันแล้ว 13-20 ปี 8-9 ชม. 20-65 ปี 7-8 ชม. มากกว่า 65 ปี น้อยกว่า 7 ชม.
ถึงจะถือว่าเป็นการอดนอนทางการแพทย์ A: ในทางการแพทย์จะแบ่งการอดนอน ออกเป็น 2 ประเภ? คือ ผู้ที่อดนอนในระยะสั้น ๆ และผู้ที่อดนอนเรื้อรัง ผู้ที่อดนอนระยะสั้น คือ นอนน้อยกว่า3 ชม. ติดต่อกันนานน้อยกว่า 36 ชม ผู้ที่อดนอนเรื้อรัง คือ นอนน้อยกว่า 4 ชม. ติดต่อกันนานมากกว่า 36 ชม ที่ต้องแยกเป็น 2 ประเภทเพราะอาการในช่วง 3 วันแรกจะมีอาการมึนงง คิดอะไรไม่ค่อยออก ความสามารถในการตอนสนองช้าลง รู่สึกง่วงแต่ใจสั่นๆ หลังจาก 3 วันหากยังมีการนอนที่ไม่เพียงพอจะทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง การเคลื่อนไหวร่างกายทำงานได้แย่ลง เช่น การวิ่ง กระโดดจนไปถึงการเคลื่อนไหวขึ้นสูงเช่น การเขียน การเล่นดนตรี งานที่ต้องการใช้ความตั้งใจเช่น การขับรถ อาจจะมีปัญหาซึ่งอันตรายมาก มีการทำการศึกษาในคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม. ติดกัน 4 วันการทำงานจะแย่กว่าคนนอน 8 ชม. แต่จะแย่เท่ากับคนนอน 6 ชม. ในคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม. ติดกัน 7 วันการทำงานจะแย่กว่าคนนอน 8 ชม. และ 6 ชม. ในคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม. ติดกัน 14 วัน เท่ากับคนที่ไม่ได้นอนเลย 3 วัน สัญญาณที่บ่งบอกว่าเรานอนไม่พอก็คืออาการง่วงระหว่างวัน หาวอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยมีสมาธิ ใจลอย บางทีก็มีเผลอสัปหงกหลับไปโดยไม่รู้ตัวเป็นระยะเวลาสั้น ๆ 5-10 วินาที (วูบ) Q: ความต้องการการนอนหลับในแต่ละวัย แต่ละอายุเท่ากันไหม แล้วเมื่อไรถึงจะเพียงพอ?
ใช้แอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้นอนหลับ ในสังคมปัจจุบัน หลายครั้งที่เราละเลย หรือไม่สามารถทำได้ตามที่บอก มีผิดไปบ้าง ไม่ได้ทำบ้าง แต่ก็ควรรีบกลับมาปฏิบัติตามหลักการให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการนอนต่อเนื่อง หรือเรื้อรัง ปัญหาอื่นที่อาจมารบกวนทำให้การนอนไม่เพียงพอ หรือไม่มีคุณภาพได้ และการขจัดหรือ รักษาปัญหาเหล่านั้นก็ช่วยทำให้การนอนกลับมาดีได้ ปัญหาที่อาจรบกวนการนอนและพบได้บ่อย คือ 1. โรคทางด้านอารมณ์ ทั้งโรควิตกกังวล โรคอารมณ์ซึมเศร้า และโรคอารมณ์สองขั้ว 2. การนอนกรน ซึ่งแสดงว่าทางเดินหายใจตั้งแต่รูจมูกไปจนถึงคอหอยตีบแคบลงระหว่างหลับ ทำให้ร่างกายต้องหายใจเข้าแรง ความแรงของลมหายใจไปสั่นเพดานอ่อนจึงเกิดเสียงกรนขึ้น สมองรับอากาศได้ไม่ดีในขณะที่หลับ ไปรบกวนคุณภาพการนอน และการกรนเสียงดังอาจเป็นสาเหตการนอนไม่หลับของคนที่นอนร่วมด้วยก็ได้ 3. โรคขาดลมหายใจเป็นระยะขณะหลับ (Obstructive sleep apnea syndrome) ถ้าทางเดินหายใจที่แคบเกิดการปิดหรือตันขึ้น ก็จะทำให้เราขาดอากาศเป็นระยะ การนอนไม่สามารถดำเนินไป ได้ตามปกติ นึกภาพเหมือนการดำน้ำไประยะหนึ่ง ร่างกายทนไม่ได้ สมองก็จะตื่นขึ้นมาช่วย การหายใจให้กลับมาตามเดิม เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นเป็นร้อยๆ ครั้งต่อคืน มีผลกระทบ ในระยะยาวต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้ความดันโลหิตสูง เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเบาหวาน เป็นต้น 4.
ราชวิถี, รพ. ราชวิถี2, นอนอย่างไรให้สุขภาพดี
หากิจกรรมเบา ๆ ทำก่อนนอน ควรเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายเหมาะกับช่วงเวลาคาบเกี่ยวจากตื่นเป็นหลับ ซึ่งจะอยู่ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนนอน เช่น อาบน้ำให้สบายตัว อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ ดูโทรทัศน์ และยุติกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดทั้งหลายทั้งปวง กิจกรรมที่ทำให้เกิดความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้ร่างกายเราหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด หรือคอร์ติซอลออกมา เราจะรู้สึกตื่นตัว กระวนกระวาย นอนไม่หลับ หากมีปัญหาอะไร ก็เขียนบันทึกไว้ ตื่นมาค่อยว่ากัน 4. เข้านอนก็ต่อเมื่อรู้สึกง่วงจริง ๆ จำความทุกข์ทรมานเวลาที่ล้มตัวลงนอนแล้วแต่นอนไม่หลับได้ไหม การดิ้นรนพยายามจะนอนให้หลับนั้นนำมาซึ่งความเครียดถึงขีดสุด และยังตามมาด้วยความทุรนทุราย หากล้มตัวลงเตียงแล้วแต่ยังไม่หลับภายใน 20 นาที ให้ล้มเลิกความพยายามนั้น แล้วลุกจากเตียงไปทำอย่างอื่น หาอะไรที่ทำให้ผ่อนคลายทำ เช่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง จนกว่าจะรู้สึกง่วงอีกครั้ง แล้วกลับไปนอนได้ 5. ใช้ประโยชน์จากแสงสว่าง แสงสว่าง (จากธรรมชาติ) เป็นนาฬิกาควบคุมสมองร่างกายเรา ซึ่งมีผลต่อการควบคุมการนอนหลับ การตื่นนอน ให้อยู่ในวงจรการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้น ในทุก ๆ เช้า ควรพาตัวเองออกไปรับแสงแดด และช่วงระหว่างวันก็ออกไปข้างนอกให้เจอแสงบ้าง อย่าหมกตัวอยู่แต่ในร่มตลอดเวลา 6.